ในยุคเกษตรกรรมสมัยใหม่ การเลือกปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่เรื่องของราคาเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อเพิ่มผลผลิตและรักษาดินให้มีความอุดมสมบูรณ์
ซัลเฟตแอมโมเนียมที่มีคุณภาพสูง มีไนโตรเจน (N) อยู่ประมาณ 21% และกำมะถัน (S) ประมาณ 24% — ซึ่งสูงกว่าปุ๋ยไนโตรเจนชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ดินขาดกำมะถัน เช่น พื้นที่ปลูกข้าวโพดหรือถั่วเหลืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยพืชศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุว่า เมื่อใช้ซัลเฟตแอมโมเนียมแทนยูเรียในพื้นที่ปลูกข้าวโพด ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12–18% ภายในฤดูกาลเดียว
จากการสำรวจกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น พบว่า 78% ของพวกเขาเลือกใช้ซัลเฟตแอมโมเนียมเพราะเห็นผลจริงภายใน 7–10 วันหลังใส่ปุ๋ย — เห็นการเติบโตของใบเขียวสดและรากแข็งแรงมากกว่า
“เมื่อใช้ยูเรีย ใบจะเหลืองเร็ว แต่พอเปลี่ยนมาใช้ซัลเฟตแอมโมเนียม ต้นไม้แข็งแรงขึ้น ผลผลิตก็เพิ่ม” — คุณสมชาย ชาวนาจากอำเภอหนองสองห้อง
| ประเภทปุ๋ย | ไนโตรเจน (%) | กำมะถัน (%) | เวลาดูดซึม |
|---|---|---|---|
| ยูเรีย | 46 | 0 | 3–5 วัน |
| แอมโมเนียมไนเตรต | 34 | 0 | 2–4 วัน |
| ซัลเฟตแอมโมเนียม | 21 | 24 | 1–2 วัน |
นอกจากนี้ ซัลเฟตแอมโมเนียมยังช่วยปรับสภาพดินให้เป็นกลางหรือเป็นกรดเล็กน้อย ซึ่งเหมาะกับพืชหลายชนิด เช่น ข้าว ข้าวโพด และถั่วเหลือง
• ใช้ในช่วงต้นฤดูกาลเพื่อกระตุ้นการงอกและการเจริญเติบโตของราก
• ผสมกับน้ำในอัตรา 1 กก. ต่อ 100 ลิตร เพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด
• หลีกเลี่ยงการใช้ในขณะฝนตกหนัก เพราะอาจชะล้างไนโตรเจนได้
เรามีบริการทดลองใช้ฟรีสำหรับเกษตรกรรายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม >>